ในความสัมพันธ์ของชายหญิง ได้มีคนกล่าวถึงในตำรามากมายเกี่ยวกับวิธีที่จะทะนุถนอมความสัมพันธ์ไว้ให้ยาวนาน เหมือนอย่างที่คนแก่สมัยก่อนชอบพูดกันว่าให้อยู่จนถือไม้ท้าวยอดทองกระบองยอดเพชร ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีเคล็ดลับมากมายแล้วแต่คู่ไหนจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับคู่ของตนเอง และก็มีความเชื่อผิดๆหลายประการที่เล่าต่อๆกันมาเช่นกัน ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง อาจเป็นได้ว่าคุณอาจเคยได้ยินมาจากคนอื่นเช่นกัน
ความเชื่อที่ 1: คุณผู้ชายจะไม่มีทางได้พบกับสาวสวยที่มีชื่อเสียงและเงินทอง
ความห่างไกลของระดับฐานะเป็นสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในสังคมว่ามันมีการแบ่งระดับความแตกต่างกันอยู่จริง อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าสาวๆเหล่านั้นเห็นเงินเป็นพระเจ้าไปเสียหมด แต่เพราะพวกเธอซึ่งอาจจะเกิดมาในสังคมที่พรั่งพร้อมไปด้วยเงินทอง จึงมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากคนที่ทำงานรับเงินเดือนอย่างหนุ่มๆหลายๆคน หรือเธอคนนั้นอาจจะมีการศึกษาสูงและทำงานเก่งจนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างแข็งแกร่งเกินหน้าเกินตาหนุ่มๆ ทำให้หนุ่มส่วนมากไม่กล้าเข้าไปจีบเธอ หากคุณอยากจะสอยพวกเธอมาเป็นแฟนก็ต้องพยายามอย่างหนักหน่อยในการยกระดับตนเองขึ้นมา แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเสียทีเดียว เพราะเงินยังไงก็ไม่มีคุณค่าเท่ากับจิตใจและความรัก ความเข้าใจกันของทั้งสองฝ่าย
ความเชื่อที่ 2: ผู้หญิงนั้นมีทั้งง่ายและยาก
จะว่าใช่ก็ใช่ แต่มันมีสาเหตุและไม่ได้หมายรวมกับง่ายหรือยากกับเรื่องบนเตียงอย่างที่หนุ่มๆเข้าใจ หนุ่มๆบางคนพูดคุยกับสาวแค่ไม่กี่ครั้งหรือเพียงครั้งเดียวเธอก็ตัดสินใจออกไปเที่ยวกับคุณแล้ว แต่กับสาวบางคนเธอไม่ยอมเปิดใจให้กับคุณเลย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น สาวบางคนอาจมีบุคลิกที่สบายๆ สามารถคุยเป็นเพื่อนและเปิดใจทำความรู้จักกับคุณได้ง่าย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะพร้อมขึ้นเตียงกับคุณ เพราะบางครั้งเธอก็คิดกับคุณแค่เพื่อนเท่านั้น ส่วนสาวบางคนนั้นอาจมาจากสังคมที่แตกต่างกัน วัฒนธรรม ความคิด อดีตที่เธอผ่านมาอาจเป็นตัวกำหนดปฏิกิริยาตอบกลับของเธอได้ ที่สำคัญคุณต้องทำใจเย็นๆและใช้เวลาทำความเข้าใจกับเธอให้ดีก่อน
ความเชื่อที่ 3: รูปร่างหน้าตาของผู้ชายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิง
แน่นอนว่าทุกคนชอบคนหล่อคนสวย แต่สิ่งสำคัญที่สุดและสามารถทำให้คุณดูหล่อขึ้นมาทันที คือ ทัศนคติทางบวก ความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ การให้อภัย จิตใจที่ดีงาม ทำงานเก่ง สามารถดูแลครอบครัวและคนรักได้ สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าการที่ทำหน้าหล่อไปวันๆ เพราะในที่สุดแล้ว หน้าตาและรูปร่างก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา
ความเชื่อที่ 4: ความน่าดึงดูดเป็นเพียงลักษณะภายนอกเท่านั้น
ลักษณะทางกายภาพที่น่าดึงดูดใจเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากมี แต่สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนมารักมาชอบในตัวคุณนั้นไม่ได้มีเพียงลักษณะภายนอกเท่านั้น จิตใจที่ดีและความมีเมตตากรุณาต่อทุกคนรอบตัวจะส่งผ่านออกมาสู่ภายนอก สามารถมองเห็นได้และสร้างความประทับใจแก่ผู้คนแบบยั่งยืนมากกว่าความสวยงามของรูปร่างหน้าตา
ความเชื่อที่ 5: การเรียนรู้ที่จะยอมรับเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทุกๆเรื่อง
เราไม่จำเป็นต้องยอมรับทุกเรื่องที่อีกฝ่ายทำเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ เพราะหากคนๆนั้นไม่สามารถยอมรับว่าตนเองกำลังทำผิดอยู่ และไม่พยายามแก้ไขปรับปรุง เค้าก็อาจเป็นคนที่ไม่ดีพอที่จะส่งเสริมให้ชีวิตคู่ดำเนินต่อไปได้ในทางที่ดี ทางที่ดีเปิดใจคุยกับเขาและหาทางออกกับแต่ละเรื่องจะดีกว่า
ความเชื่อที่ 6: บทเรียนความผิดพลาดในอดีต จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในความสัมพันธ์ครั้งแต่ไป
ไม่มีอะไรสามารถการันตีได้ว่าสิ่งที่คุณจะเจอในวันพรุ่งนี้จะสามารถใช้ประสบการณ์ในอดีตมาเป็นตัวขับเคลื่อนหรือแก้ไขปัญหาได้ กาลเวลาผ่านไป ผู้คนใหม่ๆที่คุณพบเจอ ปัญหาใหม่jๆที่เกิดขึ้น ไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนเดิมได้ ฉะนั้น ใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด ปรับใช้อย่างมีเหตุผลในแต่ละสถานการณ์
ความเชื่อที่ 7: เป็นลักษณะตามธรรมชาติ ไม่สามารถเรียนรู้ได้
ความแตกต่างระหว่างหญิงและชายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ได้เช่นกัน เพราะความคิดและทัศนคติที่แตกต่างกันทำให้เกิดความไม่เห็นด้วย แต่ความแตกต่างนี้ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดกันและเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายสามารถปรับตัวและประนีประนอมได้เสมอ โดยมีพื้นฐานความรักเป็นตัวส่งเสริม
ความเชื่อที่ 8: ความสัมพันธ์ในระยะยาวจะต้องมีความสุขเสมอ
ไม่ว่าความสัมพันธ์ในระยะสั้นหรือยาวก็มีความเสี่ยงต่อการเลิกราทั้งสิ้น เพราะเหตุผลในการดำเนินชีวิตมันมีมากมายเหลือเกิน หากคุณคิดว่าจะต้องมีความสุขไปตลอดคุณคิดผิด เพราะในยามที่มีความเดือดเนื้อร้อนใจเราก็ต้องอยู่ข้างๆกัน และหากฝ่ายไดฝ่ายหนึ่งไม่เข้มแข็งพอ อาจจะทำให้เกิดปัญหาทิ้งอีกฝ่ายให้เผชิญโชคชะตาเพียงลำพังได้
ความเชื่อที่ 9: การมีความสัมพันธ์จะทำให้ชีวิตคุณมีความสุข
การมีความสุขนั้นเกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของแต่ละคน ไม่ใช่การได้มีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามแต่อย่างได หากคุณเองไม่มีความสุขด้วยตัวเองมาก่อนที่จะมีความสัมพันธ์ ก็เป็นไปได้ยากที่คุณจะนำพาความสัมพันธ์นั้นไปสู่จุดที่สามารถมีความสุขร่วมกันได้
ความเชื่อที่ 10: ยอมให้อีกฝ่ายชนะเพื่อจบปัญหา
เป็นเรื่องปกติที่เวลาทะเลาะกันแล้วอาจต้องการเอาชนะ หลายครั้งที่มีฝ่ายหนึ่งยอมยกธงขาวยอมแพ้ไปดื้อๆเพราะขี้เกียจที่จะเถียงต่อ อาจมีส่วนดีเพราะคุณได้ลดอีโก้ที่มีต่อกันได้ แต่ส่วนไม่ดีคือคุณจะยังพบกับปัญหาเดิมอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายไม่สนใจว่าทำผิดอยู่ อาจส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว ฉะนั้น นอกจากเราต้องอภัยให้อีกฝ่ายแล้ว การเรียนรู้ที่จะแก้ไขความผิดพลาดก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน
